อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์และการป้องกัน
👀→ อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์และการป้องกัน ←👀
💣อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ (Computer Crime)
อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ คือ
ผู้กระทำผิดกฎหมายโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือสำคัญในการก่ออาชญากรรมและกระทำความผิดนั้น
อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
ได้มีผู้นิยามให้ความหมายดังนี้
1.การกระทำใดๆ เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์อันทำให้เหยื่อได้รับความเสียหายและผู้กระทำได้รับผลประโยชน์ตอบแทน
2.การกระทำผิดกฎหมายใดๆ ซึ่งใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือและในการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เพื่อนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต้องใช้ความรู้ทางเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน
3.ในประเทศญี่ปุ่น
ให้ความหมายรวมถึงการกระทำผิดโดยประมาทด้วย
💬คอมพิวเตอร์ กับ อาชญากรรม
1. คอมพิวเตอร์เป็นเป้าหมาย
ในการก่ออาชญากรรม (computer as crime ‘ Targets
’) เช่น
การลักทรัพย์ เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ ชิ้นส่วนของเครื่องคอมพิวเตอร์
โดยเฉพาะที่ขนาดเล็ก แต่มีราคาสูง
2.คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องอำนวยความสะดวก
ในการก่ออาชากรรมในรูปแบบดั้งเดิม (facilitation of ‘
Traditional ‘ Crimes) เช่น เก็บข้อมูลลูกค้า ยาเสพติด การพนัน
หวยใต้ดิน
3.อาชญากรรมที่เกิดกับคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ
(computer-unique crime) เช่น การสร้างไวรัสคอมพิวเตอร์ , Nuke, การลักลอบเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ (hacking/cracking) , แก้ไข ทำลายข้อมูล, การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
ที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
4.คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการประกอบอาชญากรรม เช่น ลักลอบโอนเงินจากธนาคาร เป็นเจ้ามือรับพนันเอาทรัพย์สินบนอินเทอร์เน็ต เผยแผ่เอกสาร สิ่งพิมพ์
รูปภาพ หรือ โฆษณาวัตถุลามก อนาจาร ผิดกฎหมาย หมิ่นประมาท ยุยง
👮รูปแบบของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
ได้จําแนกประเภทอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ได้
9 ประเภท (ตามข้อมูลคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจร่างกฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์)
1)
การการขโมยข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต
ซึ่งรวมถึงการขโมยประโยชน์ในการลักลอบใช้บริการ
2)
อาชญากรรมนำเอาระบบการสื่อสารมาปกปิดความผิดของตนเอง
3)
การละเมิดลิขสิทธิ์ปลอมแปลง เลียนแบบระบบซอฟต์แวร์โดยมิชอบ
4)
ใช้คอมพิวเตอร์ฟอกเงิน
5)
ไปก่อกวนระบบสาธารณูปโภค เช่น ระบบจ่ายน้ำ
การจราจร
6)
ใช้คอมพิวเตอร์แพร่ภาพ เสียง ลามกอนาจาร
และข้อมูลที่ไม่เหมาะสม
7)
หลอกลวงให้ร่วมค้าขายหรือลงทุนปลอม
8)
แทรกแซงข้อมูลแล้วนำข้อมูลนั้นมาเป็นประโยชน์ต่อตนโดยมิชอบ
9)
ใช้คอมพิวเตอร์แอบโอนเงินในบัญชีผู้อื่น เข้าบัญชีตัวเอง
💢 ลักษณะของอาชญากรมทางคอมพิวเตอร์
1) การเจาะระบบรักษาความปลอดภัยทางกายภาย
ได้แก่ ตัวอาคาร อุปกรณ์และสื่อต่างๆ
2) การเจาะเข้าไปในระบบสื่อสาร
และการรักษาความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ข้อมูล
3) เป็นการเจาะเข้าสู่ระบบรักษาความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการ
(Operating
System)
4) เป็นการเจาะผ่านระบบรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคลโดยใช้อินเตอร์เน็ตเป็นช่องทางในการกระทำความผิด
👽ลักษณะของอาชญากรทางคอมพิวเตอร์
1. พวกหัดใหม่
(Novice) เป็นพวกที่เพิ่งเริ่มเข้าวงการ,
หัดใช้คอมพิวเตอร์ หรือ
อาจเป็นพวกที่เพิ่งเข้าสู่ตำแหน่งที่มีอำนาจหรือเพิ่งได้รับความไว้วางใจให้เข้าสู่ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2. พวกจิตวิปริต
(Deranged
Person)
มักเป็นพวกที่มีจิตใจวิปริต ผิดปกติ มีลักษณะเป็นพวกที่ชอบความรุนแรงและอันตราย
มักจะเป็นผู้ที่ชอบทำลายไม่ว่าจะเป็นการทำลายสิ่งของหรือบุคคล เช่น พวก UNA
Bomber แต่เนื่องจากจำนวนอาชญากรประเภทนี้มีไม่มีนัก
จึงทำให้ผู้รักษากฎหมายจึงไม่ให้ความใส่ใจ
3. กลุ่มที่ประกอบอาชญากรรมในลักษณะองค์กร
(Organized Crime) องค์กรอาชญากรรมจะใช้คอมพิวเตอร์ในลักษณะที่แตกต่างกันโดยส่วนหนึ่งอาจใช้เป็นเครื่องมือในการหาข่าวสาร
เช่นเดียวกับองค์กรธุรกิจทั่วไป หรืออาจจะใช้เทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์นี้
เป็นตัวประกอบสำคัญในการก่ออาชญากรรม
หรืออาจใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์นี้ในการทำให้เจ้าหน้าที่ตามไม่ทันอาชญากรรมที่ตนก่อขึ้น
4. พวกมืออาชีพ
(Carriere Criminal)
เป็นกลุ่มที่ทวีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
เป็นผู้ที่ก่ออาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ครั้งแล้วครั้งเล่า
โดยอาชญากรประเภทนี้อาจเคยโดนจับกุมแล้ว เป็นการทำความผิดโดยสันดาน
5. พวกหัวพัฒนา
เป็นพวกที่ชอบใช้ความก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์ให้ได้มาเพื่อผลประโยชน์สู่ตนเอง
อาชญากรประเภทนี้จะใช้ความรู้ความสามารถที่ตนมีหาประโยชน์มาให้ตนเอง
โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
6. พวกช่างคิดช่างฝัน
เป็นพวกที่กระทำผิดเนื่องจากมีความเชื่อถือสิ่งใดสิ่งหนึ่งของรุนแรง
7. พวกนักฝ่าด่าน
(Hacker
/ Cracker / Phreaker )
เป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ความสามารถทางคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี
สามารถเจอะเข้าระบบรักษาวามปลอดภัยของข้อมูลในคอมพิวเตอร์ได้
Hacker
|
Cracker
|
Phreaker
|
ไม่สร้างความเสียหายให้กับระบบคอมพิวเตอร์
ทำไปเพื่อท้าทายความสามารถของตัวเอง
|
สร้างความเสียหายให้กับระบบคอมพิวเตอร์
|
ผู้ที่เจาะเข้าระบบเครือข่ายโทรศัพท์สาธารณะ
เพื่อให้ตนเองใช้โทรศัพท์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือเพื่อรบกวนสัญญาณ
|
👉ลักษณะทั่วไปของพวกนักฝ่าด่าน👌
1. มักเป็นชาย ไม่ยากจน👨
2. ฉลาด อดทน มีความพยายามสูง😎
3. หยิ่งยโส โอหัง ไม่มีมนุษย์สัมพันธ์💢
4. มีทักษะภาษาอังกฤษพอสมควร💭
5. ไม่กล้าเปิดเผยตัวจริง👤
6. เป็นนักสะสมข่าวสา😈
💂กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศหรือกฎหมายไอที
กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศไทยเริ่มวันที่
15
ธันวาคม 2541 โดยคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติเรียก
(กทสช) ได้ทำการศึกษาและยกร่างกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ 6 ฉบับ
ได้แก่
- กฎหมายเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Transactions Law)
เป็นกฎหมายที่รองรับผลทางกฎหมายของการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในทางแพ่งและพาณิชย์ที่ดำเนินการโดยใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
เว้นแต่ธุรกรรมที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนด
มิให้นำพระราชบัญญัตินี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนมาใช้บังคับ (ได้แก่พระราชกฤษฎีกากำหนดประเภทธุรกรรมทางแพ่งและพาณิชย์ที่ยกเว้นมิให้นำกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้บังคับ
พ.ศ. 2549) ตลอดจนการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของภาครัฐ เช่น คำขอ การอนุญาต
การจดทะเบียน คำสั่งทางปกครอง การชำระเงิน การประกาศ หรือการดำเนินการใดๆ
ตามกฎหมายกับหน่วยงานของรัฐหรือโดยหน่วยงานของรัฐ
ถ้าได้กระทำในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
ก็ให้ถือว่ามีผลโดยชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกับการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายในเรื่องนั้นกำหนด
- กฎหมายเกี่ยวกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signatures Law)
เพื่อรับรองการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้วยกระบวนการใดๆ
ทางเทคโนโลยีให้เสมอด้วยการลงลายมือชื่อธรรมดา
อันส่งผลต่อความเชื่อมั่นมากขึ้นในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
และกำหนดให้มีการกำกับดูแลการให้บริการ เกี่ยวกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ตลอดจนการให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้องกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
- กฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศให้ทั่วถึงและเท่าเทียมกัน(National Information Infrastructure Law)
เพื่อก่อให้เกิดการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ
อันได้แก่ โครงข่ายโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ สารสนเทศทรัพยากรมนุษย์
และโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศสำคัญอื่นๆ อันเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาสังคม
และชุมชนโดยอาศัยกลไกของรัฐ
ซึ่งรองรับเจตนารมณ์สำคัญประการหนึ่งของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญ
มาตรา 78 ในการกระจายสารสนเทศให้ทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
และนับเป็นกลไกสำคัญในการช่วยลดความเหลื่อมล้ำของสังคมอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เพื่อสนับสนุนให้ท้องถิ่นมีศักยภาพในการปกครองตนเองพัฒนาเศรษฐกิจภายในชุมชน
และนำไปสู่สังคมแห่งปัญญา และการเรียนรู้
- กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Law)
เพื่อก่อให้เกิดการรับรองสิทธิและให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ซึ่งอาจถูกประมวลผลเปิดเผยหรือเผยแพร่ถึงบุคคลจำนวนมากได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วโดยอาศัยพัฒนาการทางเทคโนโลยี
จนอาจก่อให้เกิดการนำข้อมูลนั้นไปใช้ในทางมิชอบอันเป็นการละเมิดต่อเจ้าของข้อมูล
ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงการรักษาดุลยภาพระหว่างสิทธิขั้นพื้นฐานในความเป็นส่วนตัว
เสรีภาพในการติดต่อสื่อสาร และความมั่นคงของรัฐ
- กฎหมายเกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (Computer Crime Law)
เพื่อกำหนดมาตรการทางอาญาในการลงโทษผู้กระทำผิดต่อระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์
ระบบ ข้อมูล และระบบเครือข่าย ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพ
และการคุ้มครองการอยู่ร่วมกันของสังคม
- กฎหมายเกี่ยวกับการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Funds Transfer Law)
เพื่อกำหนดกลไกสำคัญทางกฎหมายในการรองรับระบบ การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
ทั้งที่เป็นการ โอนเงินระหว่างสถาบันการเงิน
และระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ในรูปของเงินอิเล็กทรอนิกส์ก่อให้เกิดความ เชื่อมั่นต่อระบบการทำธุรกรรมทางการเงิน
และการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มากยิ่งขึ้น
👾ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
1) ความยากง่ายในการตรวจสอบ
ว่าอาชญากรรมจะเกิดขึ้นเมื่อใด ที่ใด อย่างไร ทำให้เกิดความยากลำบากในการป้องกัน
2) การพิสูจน์การกระทำผิดและการตารอยของความผิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดที่เกิดขึ้นผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
เช่น การเจาะระบบเข้าไปฐานข้อมูลของโรงพยาบาล
และแก้ไขโปรแกรมการรักษาพยาบาลของผู้ป่วย ทำให้แพทย์รักษาผิดวิธี ซึ่งตำรวจไม่สามารถสืบทราบและพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด
3) ปัญหาการรับฟังพยานหลักฐาน
ซึ่งจะมีลักษณะแตกต่างไปจากหลักฐานของคดีอาชญากรรมแบบธรรมดาอย่างสิ้นเชิง
4) ความยากลำบากในการบังคับใช้บังคับกฎหมาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมเหล่านี้มักเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ
ซึ่งกฎหมายของแต่ละประเทศอาจครอบคลุมไปไม่ทั่วถึง
5) ปัญหาความไม่รู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ
ของเจ้าพนักงานหรือเจ้าพนักงานดังกล่าวมีงานล้นมือ
โอกาสที่จะศึกษาเทคนิคหรือกฎหมายใหม่ๆ จึงทำได้น้อย
6) ความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีสมัยใหม่
ซึ่งเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากจนหน่วยงานที่รับผิดชอบตามไม่ทัน
😎แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมคอมพิวเตอร์
1) มีการวางแนวทางเกณฑ์ในการรวบรวมพยานหลักฐาน
เพื่อดำเนินคดีอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ช่วยให้พนักงานสอบสวน อัยการทราบว่า มีพยานหลักฐานเพื่อนำไปใช้ในการพิจารณาคดีในชั้นศาล
2) จัดให้มีผู้ที่มีความรู้
ความชำนาญในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
เพื่อเข้าร่วมเป็นคณะทำงานในคดีอาชญากรรมคอมพิวเตอร์
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินคดี
3) จัดตั้งหน่วยงานที่เกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ
เพื่อให้มีเจ้าหน้าที่ที่ความชำนาญเฉพาะในการปราบปราม และดำเนินคดีอาชญากรรมคอมพิวเตอร์
4) บัญญัติกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์
รวมถึงแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่อยู่ให้ครอบคลุมการ กระทำอันเป็นความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ทุกประเภท
5) ส่งเสริมความร่วมมือกับต่างประเทศ
ทั้งโดยสนธิสัญญาเกี่ยวกับการร่วมมือระหว่างประเทศทางอาญาหรือโดยวิธีอื่นในการสืบสวนดำเนินคดีและการปราบปรามอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
6) เผยแผ่ความรู้เกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์
ให้แก่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ หน่วยงานและองค์กรต่างๆ
ให้เข้าใจแนวคิดและวิธีการของอาชญากรทางคอมพิวเตอร์เพื่อป้องกันตัวเองเป็นเบื้องต้น
7) ส่งเสริมจริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์
ทั้งโดยการสร้างสรรค์ความรู้ความเข้าใจแก่บุคคลทั่วไปในการใช้คอมพิวเตอร์อย่างถูกต้อง
โดยปลูกฝังเด็กตั้งแต่ในวัยเรียนให้เข้าในกฎเกณฑ์
มารยาทในการใช้คอมพิวเตอร์อย่างถูกวิธีและเหมาะสม
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (TCSD)
สายด่วน 02-142-2555-60
💋💓💕💗💙💚💛💜💝💞💜💛💚💙💘💗💖💕💓💋
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น